อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร
Description
ข้อมูลจากสำนักอุทยานแห่งชาติ, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร (เปิดบางแหล่ง) (Khao Phra Wihan)
ที่ตั้งและข้อมูลทั่วไป
สถานที่ติดต่อ : อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร บ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
E-mail : Wihan_np54@hotmail.com, Wihanmoedang@gmail.com
โทรศัพท์ : 0 4582 6045
(สอบถามข้อมูลทั่วไปและการเปิดแหล่งท่องเที่ยวได้ที่หมายเลขนี้)
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ: นางจิตร อาจสัญจร
ตำแหน่ง : นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ
อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ
ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท
**หมายเหตุ เมื่อชำระค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติแล้วกรุณาพกบัตรค่าบริการติดตัว ขณะท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเพื่อการตรวจสอบ
ร้านค้าสวัสดิการ
ร้านค้าสวัสดิการ ร้านอาหาร เปิดบริการทุกวันเวลา 05.00 น. - 19.00 น.
สัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่
1. บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ : AIS, TRUE, DTAC
2. บริเวณแหล่งท่องเที่ยวผามออีแดง : AIS, TRUE
อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอน้ำยืน กิ่งอำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี และอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชา ถนนและบันไดทางขึ้นสู่ปราสาทเขาพระวิหารทางด้านบริเวณผามออีแดง ท้องที่ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จัดได้ว่าสะดวกที่ที่สุด
พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาพระวิหาร ป่าฝั่งลำโดมใหญ่ ท้องที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี นครราชสีมา ซึ่งได้ทำการตกลงกับกรมป่าไม้ กไหนดพื้นที่ป่าไม้ชายแดนให้เป็นพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์ ห้ามเข้าไปและอาศัยอยู่โดยเด็ดขาด เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังคงความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร มีสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่มาก มีทัศนียภาพที่สวยงาม ตลอดจนโบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และได้ขอให้กรมป่าไม้กำหนดและประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติต่อไป
ซึ่งผลจากการสำรวจเพื่อดำเนินการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติปรากฎว่า สภาพป่าของพื้นที่ป่าเป็นป่าเบญจพรรณ อยู่ในป่าโครงการไม้กระยาเลยป่าเขาพระวิหาร (ศก.7) ผ่านการทำไม้แล้ว กับอีกส่วนหนึ่งอยู่ในป่าโครงการไม้กระยาเลยป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ (อบ.2) มีทัศนียภาพและทิวทัศน์ที่สวยงามอยู่หลายแห่ง อาทิเช่น จุดชมวิวผามออีแดง จุดชมวิวหน้าผาช่องโพย บริเวณป่าและสวนหินรอยสระตราว ถ้ำฤาษี แหล่งตัดหิน สถูปคู่ ภาพสลักนูนต่ำใต้ผามออีแดง น้ำตกผาช่องโพย จุดชมวิว ภูเซวี่ยงหม้อ ปราสาทโดนตวล และที่สำคัญอีกจุดหนึ่งคือ ปราสาทเขาพระวิหาร โบราณสถานสำคัญเก่าแก่ที่เคยเป็นกรณีพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา เมื่อปี พ.ศ.2505 ซึ่งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินให้ตกเป็นสมบัติของประเทศกัมพูชาแล้วโดยเด็ดขาดก็ตาม แต่ถนนและบันไดทางขึ้นสู่ปราสาทเขาพระวิหารนั้นอยู่ด้านพื้นที่ของประเทศไทย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องผ่านและอาศัยพื้นที่ทางขึ้นด้านบริเวณผามออีแดงที่จังหวัดศรีสะเกษ จัดว่าสะดวกที่สุด เพราะฉะนั้นการที่ชาวไทยหรือชนชาติต่างๆ ที่ต้องการเดินทางไปศึกษาหาความรู้และพักผ่อนหย่อนใจบนปราสาทเขาพระวิหาร จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับประเทศไทยแต่อย่างใด ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยดดยจังหวัดศรีสะเกษได้ประสานงานตกลงกับจังหวัดพระวิหาร ประเทศกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว ในเรื่องการขอใช้ประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวของสถานที่บริเวณส่วนบนปราสาทเขาพระวิหารแห่งนี้ร่วมกัน
อุทยานแห่งชาติ เขาพระวิหาร ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ในท้องที่ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน ตำบลโคกสะอาด กิ่งอำเภอน้ำขุ่น อำเเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี และป่าเขาพระวิหารในท้องที่ตำบลเสาธงชัย ตำบลภูผาหมอก อำเภอกันทรลักษ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 115 ตอนที่ 14ก ลงวันที่ 20 มีนาคม 2541 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 83 ของประเทศ
สถานที่ท่องเที่ยว
ผามออีแดง
สระตราว
สถูปคู่
ภาพแกะสลักนูนต่ำ
เสาธงชาติประวัติศาสตร์
น้ำตกถ้ำขุนศรี
ปราสาทโดนตวล
น้ำตกตาดไฮ
เขื่อนห้วยขนุน
ช่องอานม้า
ขนาดพื้นที่
81250.00 ไร่
หน่วยงานในพื้นที่
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ขห.1 (เขื่อนห้วยขนุน)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ขห.2 (น้ำตกตาดไฮ)
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพภูมิประเทศทั่วไปส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาตามแนวทิวเขาพนมดงรักกั้นชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ปกคลุมด้วยป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง ประกอบด้วยไม้สำคัญมากมายหลายชนิดมีเถาวัลย์สะบ้ายักษ์ขนาดใหญ่ที่สำรวจพบในเส้นทางศึกษาธรรมชาติโดยแผ่กิ่งก้านออกรอบต้นเป็นบริเวณกว้างมากถึง100 - 400 เมตร สำหรับไม้พื้นล่างและไม้อิงอาศัยที่กระจายทั่วไปรวมทั้งพืชสมุนไพรหลากหลายชนิด ที่สำคัญได้แก่ บอระเพ็ดพุงช้างหรือว่านสบู่เลือดหรือเปล้าเลือด(เหนือ)ซึ่งมีสรรพคุณเป็นยาสมุนบำรุงไฟธาตุและสามารถรักษาโรคได้หลายชนิด นอกจากนี้ยังมีพรรณไม้ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือบรรดากล้วยไม้ชนิดต่างๆที่อิงอาศัยอยู่ตามต้นไม้และก้อนหินซึ่งมีมากมายโดยเฉพาะในเส้นทางศึกษาธรรมชาติกล้วยไม้เขาพระวิหาร
ลักษณะภูมิอากาศ
ฤดูกาลของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร แบ่งออกเป็น 3 ฤดู คือ
- ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม อุณภูมิเฉลี่ยจะร้อนจัดในเดือนเมษายน
- ฤดูฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน - เดือนตุลาคม ปริมาณน้ำฝนจะตกมากช่วงเดือนสิงหาคม -ตุลาคม
- ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน - เดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในเดือนมกราคม ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องความกดอากาศสูงทางตอนใต้ของประเทศจีน
พืชพรรณและสัตว์ป่า
พืชพรรณ
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาลาดชันเป็นเนินเขา สภาพป่าประกอบด้วย
ป่าเบญจพรรณ พันธุ์ไม้จะคละปะปนกันมาก เช่น ประดู่ มะค่าโมง แดงชิงชัน ตะแบก มะเกลือ งิ้วป่า ฯลฯ
ป่าเต็งรัง มีต้นไม้ขนาดเล้กและขนาดกลางขึ้นอยู่กระจัดกระจาย พืชชั้นล่างมีหญ้าชนิดต่างๆ ขึ้นอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะหญ้าแพ้ว พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ เต็งรัง พยอม เขลง ตะคร้อ ฯลฯ
ป่าดิบแล้ง พบบริเวรที่ราบเรียบหรือหุบเขา พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ ตะเคียน พะยุง สมพง กระเบากลัก กัดลิ้น ข่อยหนาม ยาง กระบก ฯลฯ พืชพื้นล่างมีหวายและพืชในตระกูลขิงข่าต่างๆ
สัตว์ป่า
เนื่องจากสภาพป่าของป่าเขาพระวิหารและป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ บนเทือเขาพนมดงรักยังมีความอุดมสมบูรณ์ จึงมีสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่ทั่วไป เช่น หมูป่า ลิงแสม พังพอนธรรมดา กระต่ายป่า หนูท้องขาว กระรอกหลากสี กระแตเหนือ ค้างคาวยอดกล้วยผีเสื้อ นกนางแอ่นลาย นกเขนน้อยปีกแถบขาว นกปรอดทอง นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่ นกกินแมลงอกเหลือง นกปีกลายสก๊อต จิ้งจกดินลายจุด ตุ้๊กแกเขาหินทราย กิ้งก่าบินปีกสีส้ม จิ้งเหลนภูเขาเขมร ตะกวด งูดิน งูเหลืม งูแม่ตะงาว งูหัวกะโหลก กบหนอง เขียดจะนา กบหลังขีด กบนา ปาดบ้าน อึ่งข้างดำ และกบอ่อง เป็นต้น ในบริเวรพื้นที่แหล่งน้ำมีปลาหลากชนิดอาศัยอยู่ เช่น ปลากระสูบจุด ปลาตะเพียนทอง ปลานวลจันทร์เทศ ปลาช่อน ปลาหมอเทศ และปลาดุกด้าน เป็นต้น
การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ถึงจังหวัดสระบุรี เลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ก่อนถึงอำเภอสีคิ้ว เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 24 ผ่านอำเภอโชคชัย อำเภอประโคนชัย และอำเภอสังขะ ถึงสี่แยกตัดกับทางหลวงหมายเลข221 เลี้ยวขวาเข้าสู่อำเภอกันทรลักษ์ และผ่านต่อไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติ รวมระยะทางประมาณ 550 กิโลเมตร
จากจังหวัดศรีสะเกษ ใช้ทางหลวงหมายเลข 221 ผ่านอำเภอพยุห์ อำเภอศรีรัตนะ และอำเภอกันทรลักษ์ ระยะทางประมาณ 62 กิโลเมตร และจากอำเภอกันทรลักษ์เข้าสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ระยะทางอีกประมาณ 25 กิโลเมตร รวมระยะทางจากจังหวัดศรีสะเกษ ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 87 กิโลเมตร
จากจังหวัดอุบลราชธานี ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 24 ผ่านอำเภอวารินชำราบ แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 2178 ผ่านอำเภอสำโรง อำเภอโนนคูณ อำเภอเบญจลักษ์ แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 2085 เพื่อเข้าสู่อำเภอกันทรลักษ์ จากนั้นจึงเดินทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติ ตามทางหลวงหมายเลข 221 ตามลำดับ รวมระยะทางจากจังหวัดอุบลราชธานีถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 120 กิโลเมตร
มีรถโดยสารประจำทางทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ สายกรุงเทพฯ - ศรีสะเกษ และกรุงเทพญ -กันทรลักษ์ ออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือทุกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง และจากจังหวัดศรีสะเกษเดินทางเข้าสู่พื้นที่อุทยานแห่งชาติตามทางหลวงหมายเลข 221 ต่อไป
Location
Contact Information
Review
Login to Write Your ReviewThere are no reviews yet.